ด้วยระบบที่ต้องทำงานอย่างละเอียดและถูกต้องเป๊ะทำให้คนญี่ปุ่นใช้เวลานั่งทำงานในแต่ละวันโดยเฉลี่ยยาวกว่าใครในโลก มารู้ผลเสียของการนั่งนานเกินไปต่อสุขภาพกายและจิต

วิธีการป้องกันผลเสียที่อาจเกิดจากการนั่งนานเกินไป และวิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการนั่งนานเกินไปในแต่ละวันจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นกันค่ะ

ผลเสียจากการนั่งนานเกินไป

การนั่งทำงาน ดูทีวี หรือเล่นอินเทอร์เน็ตนานเกินไปจะทำให้อัตราการเปลี่ยนแปลงพลังงานในกล้ามเนื้อและเลือดไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ยิ่งนั่งนานเท่าไหร่ก็จะทำให้มีโอกาสเกิดโรคอ้วน เบาหวาน มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และสมองเสื่อมได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อายุสั้นลง จากการศึกษาพบว่าคนที่นั่งนานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงกว่าคนที่นั่งทำงานน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ถึง 1.2 เท่า นอกจากนี้ พบว่าคนที่นั่งนานเกิน 12 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงที่จะสุขภาพจิตย่ำแย่กว่าคนที่นั่งน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันถึง 3 เท่า

วิธีการป้องกันผลเสียที่เกิดจากการนั่งนานเกินไป

วิธีป้องกันผลเสียและปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการนั่งนานจนเกินไปคือ การใช้เวลานั่งให้น้อยลงในแต่ละวัน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะงานที่ทำ ก็มีวิธีที่จะช่วยป้องกันผลเสียได้ จากงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมงจะช่วยคงสุขภาพที่แข็งแรงได้แม้จะต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดี หากใครไม่มีเวลาออกกำลังกายก็ควรเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยทุก 30 นาที และมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถทำได้ ดังนี้

ที่ทำงาน

– เดินไปพูดคุยธุระกับพนักงานคนอื่นแทนการส่งข้อความทางไลน์หรือโทรศัพท์

– ไปถ่ายสำเนาหรือเดินไปหยิบงานที่สั่งพิมพ์บ่อยๆ

– หากไม่มีเหตุให้เดินก็ให้ใช้วิธีการยืดเส้นยืดสายบนเก้าอี้ โดยให้ยกมือสองข้างขึ้นและจับไว้เหนือศีรษะ ยืดตัวตรง หายใจเข้าลึกๆ บิดตัวซ้ายขวา นอกจากนี้ ให้ยกเท้าขึ้นวางบนหน้าขาอีกข้างหนึ่ง แล้วก้มตัวไปข้างหน้า ทำสลับกันไป

– ยืนทำงานบ้างเป็นครั้งคราว

– เดินไปซื้ออาหารหรือไปร้านอาหารแทนการสั่งมานั่งรับประทานที่โต๊ะทำงาน

– ยืนประชุม เป็นต้น

ที่บ้าน

– ลดเวลาการดูทีวีและการใช้อินเทอร์เน็ต

– ยืนหรือทำงานบ้านในระหว่างดูทีวี

– หลังจากอ่านหนังสือจบหนึ่งบทให้ยืดเส้นยืดสาย

– เดินไปซื้อกับข้าวแทนการสั่งซื้อทางออนไลน์ เป็นต้น

หลายคนคิดว่าการนั่งทำงานหนักในวันธรรมดาแล้วมาออกกำลังกายในวันหยุดอาจช่วยป้องกันปัญหาผลเสียต่อสุขภาพจากการนั่งนานๆ ได้ แต่ผลการวิจัยพบว่าต่อให้รวบยอดไปออกกำลังกายวันหยุดก็ไม่ช่วยอะไรเลย ดังนั้นลองมองหาวิธีเคลื่อนไหวร่างกายในระหว่างการทำงานหรือพักผ่อนดูทีวีอยู่บ้านให้เหมาะสมกับตัวเอง หากรู้สึกว่าตนเองทำงานหรือดูทีวีเพลินก็ให้จับเวลาทุก 30-60 นาทีเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถดูค่ะ

ข่าวสุขภาพเพิ่มเติม : จริงหรือไม่? เนื้อย่าง 1 กิโล มีสารก่อมะเร็งเท่าบุหรี่ 600 มวน!!

จริงหรือไม่? เนื้อย่าง 1 กิโล มีสารก่อมะเร็งเท่าบุหรี่ 600 มวน!!

ใครๆ ก็รู้ว่าอาหารปิ้งย่างเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง เพราะขอบดำไหม้เกรียมของเนื้อนี่แหละ ที่เต็มไปด้วยสารที่ทำอันตรายต่อร่างกาย หรือสารก่อมะเร็งนั่นเอง แต่ที่บอกว่าเนื้อย่าง 1 กิโลกรัม มีสารก่อมะเร็งเท่ากับการสูบบุหรี่ 600 มวนนั้น จริงหรือไม่ Sanook! Health นำคำตอบจาก ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาฝากค่ะ

จริงหรือไม่ “เนื้อย่าง 1 กิโล มีสารก่อมะเร็งเท่าบุหรี่ 600 มวน” … มีเยอะจริง แต่บุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า … งงมั้ย ฮะฮะ

รูปและเนื้อความที่แชร์กันนี้ ค่อนข้างจริงนะ ตรงที่มีงานวิจัยมานานมากๆๆ แล้ว (ปี 1964 โน้น) ว่าเมื่อเอาเนื้อสัตว์มาปิ้งย่างบนเตาถ่าน จะมีสารประกอบกลุ่ม polynuclear hydrocarbon มาติดที่เนื้อย่างนั้น โดยพบสารสำคัญคือ benzo(a)pyrene ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอยู่ในเนื้อมากถึง 8 ไมโครกรัม ต่อเนื้อย่าง 1 กิโลกรัม ( ดูบทคัดย่องานวิจัย BENZO(A)PYRENE AND OTHER POLYNUCLEAR HYDROCARBONS IN CHARCOAL-BROILED MEAT

สารกลุ่มนี้ หรือที่นิยมเรียกว่า PAHs (polycyclic aromatic hydrocarbons) จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ โดยในกรณีของเนื้อปิ้งย่างนี้ ไขมันในเนื้อได้ไหลลงไปในบนถ่าน เผาไหม้อย่างไม่สมบูรณ์ และกระเด็นกลับไปเปื้อนบนเนื้อ ทำให้เนื้อปิ้งย่างมีรสชาติอร่อย (อ้าววว) แต่ก็เป็นสารก่อมะเร็งด้วย

เลยนำไปสู่การคำนวณว่า เนื้อสเต็กปิ้งย่างเตาถ่าน (ทั้งถ่านไม้และถ่านหิน) 1.1 กิโล มีสารก่อมะเร็งกลุ่มนี้มากเท่ากับในบุหรี่ 600 ม้วน หรือถ้าเป็นปลาเทร้าต์รมควัน 1.1 กิโล ก็จะเท่ากับในบุหรี่ 250 ม้วน (ดู

บางคนเลยบอกว่า งั้นสูบบุหรี่ต่อไปแล้วกัน เพราะสูบตั้งเยอะ ยังไม่เท่ากับกันสเต็กย่างหนึ่งก้อนใหญ่ 555

แต่ๆๆๆ จริงๆ แล้วบุหรี่ไม่ได้มีสารก่อมะเร็งแค่เฉพาะกลุ่มสาร PAHs เท่านั้น ควันของบุหรี่มีสารเคมีอยู่กว่า 4 พันชนิด และมีถึง 43 ชนิดที่ก่อมะเร็งได้ ขณะที่มี 400 ชนิดที่เป็นพิษในแง่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสารนิโคติน ทาร์หรือน้ำมันดินก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ สารฟอร์มัลดีไฮด์ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนไซยาไนด์ สารหนู หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง ฯลฯ

เพราะฉะนั้นคำสรุปเรื่องนี้ก็คือ ถ้ากลัวเป็นมะเร็ง ก็กินอาหารเนื้อสัตว์ปิ้งย่างบนเตาถ่านให้น้อยลงนะครับ ยิ่งพวกที่ปิ้งจนไหม้เกรียมเนี่ย ยิ่งได้สารพิษพวกไนโตรซามีนแถมเข้าไปอีก …. ขณะที่บุหรี่ ถ้าเลิกได้ก็เลิกเถอะครับ

สรุปก็คือ เนื้อย่าง 1 กิโล อาจมีสารก่อมะเร็งเท่ากับบุหรี่ 600 มวนจริง แต่ยังไงในบุหรี่ก็ยังมีสารอันตรายตัวอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสในการมะเร็งเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก ดังนั้นเลิกบุหรี่ และลดการทานเนื้อย่างลงบ้างก็จะดีที่สุดค่ะ

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : เตือน! 6 พื้นที่เมืองกรุง PM2.5 เริ่มกระทบสุขภาพ

เตือน! 6 พื้นที่เมืองกรุง PM2.5 เริ่มกระทบสุขภาพ

กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 1 ม.ค.66 มีแนวโน้มที่ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จะมีการสะสมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น และอัตราการระบายไม่ดี อย่างไรก็ตาม ความกดอากาศสูงจะเข้ามาในช่วงปีใหม่จะช่วยให้ปริมาณ PM2.5 ลดลง เนื่องจากลมที่แรงขึ้น ทำให้อัตราการระบายอากาศสูงขึ้น

โดยช่วงวันที่ 29 ธ.ค.65-2 ม.ค.66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ ได้แผ่ลงมาถึงประเทศจีนตอนใต้แล้ว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส

สำหรับผลการตรวจวัด PM2.5 เมื่อเวลา 07.00 น. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจำนวน 6 พื้นที่ ได้แก่ เขตหนองแขม, เขตบางบอน, เขตทวีวัฒนา, สวนทวีวนารมย์ (เขตทวีวัฒนา), เขตคลองสามวา และเขตตลิ่งชัน โดยตรวจวัดได้ระหว่าง 27-63 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เนื่องจากพื้นที่ กทม.และปริมณฑลอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อัตราการระบายฝุ่นละอองไม่ดี มีการสะสมของ PM2.5